วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองพะเยา











ที่มา :https://www.youtube.com/watch?v=KQyH4KNQyU4

แอ่วพะเยาม่วนใจ





ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=aX71N9StqV0

อาหารพื้นเมืองจังหวัดพะเยา

อาหารพื้นเมืองจังหวัดพะเยา





จังหวัดพะเยามีวัฒนธรรมที่หลากหลาย  เช่น วัฒนธรรมไทยลื้อ  วัฒนธรรมคนเชื้อสายจีน  วัฒนธรรมเชื้อสายอิสลาม  วัฒนธรรมไทยพุทธ  วัฒนธรรมศาสนาคริสต์  เป็นต้น     มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย  มีอาหารพื้นบ้านที่บ่งบอกวัฒนธรรมของแต่ละชุมชน  และเชื้อชาติ 
อาหารพื้นบ้านของจังหวัดพะเยา  มีหลากหลายประเภท  ทั้ง แกง, ผัด, คั่ว, จอ, นึ่ง, ลาบ, น้ำพริก, แอ๊บ, ขนม เป็นต้น
แกง เป็นอาหารประเภทน้ำ ที่มีปริมาณน้ำแกงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับส่วนประกอบต่างๆ ในหม้อ มีวิธีการทำ โดยใส่น้ำ พอเดือด ใส่เครื่องปรุง แล้วใส่ส่วนประกอบหลักที่ต้องการแกงตามลำดับ บางสูตร นิยมคั่วเครื่องแกงกับน้ำมันเล็กน้อย จนเครื่องแกงและส่วนผสมอื่น เช่น หมู ไก่ จนมีกลิ่นหอมก่อน จึงจะเติมน้ำลงไป และจึงใส่เครื่องปรุงอื่นๆ ตามไป เมื่อน้ำเดือด หรือเมื่อหมู หรือไก่ได้ที่แล้ว เครื่องปรุงหลัก ได้แก่ พริก หอมแดง กระเทียม ปลาร้า กะปิ ถ้าเป็นแกงที่มีเนื้อสัตว์ เป็นเครื่องปรุงด้วย จะใส่ตะไคร้ ขมิ้น เพื่อดับกลิ่นคาว  แกงพื้นบ้านของอำเภอเชียงคำ  เช่น  แกงฮังเล  แกงโฮ๊ะ  แกงคั่ว  แกงส้มปลา  แกงอ่อม  แกงสะแล  แกงผักเฮือด  แกงกระด้าง  แกงปลี  แกงผักกาด  แกงแค  แกงตูน  แกงชะอม  แกงขนุน  แกงบอน  แกงผักหวาน  แกงหน่อไม้  แกงหยวก  แกงเห็ด  ข้าวแรมฟืน  จอผักกาด เป็นต้น
 แกงฮังเล


 แกงโฮ๊ะ

แกงสะแล

 แกงผักหวาน

แกงกระด้าง


น้ำพริก เป็นอาหารหรือเครื่องปรุงชนิดหนึ่ง มีส่วนประกอบหลัก คือ พริก เกลือ หอม กระเทียม เป็นต้น อาจมีส่วนผสมอื่นๆ เช่น กะปิ ถั่วเน่าแข็บ ปลาร้า มะเขือเทศ ข่า ตะไคร้ เพิ่มเข้าไป แล้วแต่จะปรุงเป็นน้ำพริกแต่ละชนิด วิธีการปรุง จะนำส่วนผสมทั้งหมดมาโขลกรวมกันในครก เช่น น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกบ น้ำพริกปลา น้ำพริกพื้นบ้านของอำเภอเชียงคำ  เช่น น้ำพริกอ่อง  น้ำพริกแคบหมู  น้ำพริกหนุ่ม  น้ำพริกน้ำปู เป็นต้น

 น้ำพริกน้ำปู 

น้ำพริกน้ำผัก

น้ำพริกอ่อง

น้ำพริกหนุ่ม 

น้ำพริกแคบหมู


ขนม  เป็นอาหารประเภทของหวาน ปรุงด้วยแป้งและกะทิ และน้ำตาล หรือน้ำอ้อย โดยปกติมักจะทำขนม เมื่อมีเทศกาล โอกาสพิเศษ หรือพิธีกรรมเท่านั้น และมักจะเป็นการเตรียมเพื่อทำบุญ เช่น วันพระ วันสำคัญทางพุทธศาสนา วันสงกรานต์ งานประเพณี งานทำบุญ ขนมที่นิยมทำ เช่น ขนมจ็อก ข้าวต้มหัวงอก ขนมลิ้นหมา ข้าววิตู ขนมกล้วย ขนมศิลาอ่อน หรือซาลาอ่อน ขนมวง ข้าวแต๋น  ของว่าง เช่น เหมี้ยง กระบอง (ผักทองทอด ปลีทอด) หลังอาหารชาวพะเยาสมัยโบราณนิยมรับประทานเหมี่ยง เรียกว่า "อมเหมี้ยง"

ขนมจอก

เมี้ยง


ข้าวแคบ 

ข้าวหนึกงา

ขนมแตงไทย



ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/433314



แหล่งท่องเที่ยว

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดพะเยา

จังหวัดพะเยา มีแหลงทองเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งทางธรรมชาติ โบราณสถานและประวัติศาสตร ศิลปกรรม และวัฒนธรรมประเพณี โดยมีแหลงทองเที่ยวที่สําคัญดังนี้

แหลงทองเที่ยวทางธรรมชาติ


1. กวานพะเยา 
          “กวานพะเยา” หรือ “หัวใจของเมืองพะเยา” อยูในเขตอําเภอเมืองพะเยา เปนทะเลสาบน้ําจืด ใหญเปนอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 4 ของประเทศไทย (รองจากบึงบอระเพ็ด, หนองหาน และบึงละหาน) คําวา "กวาน" ตามภาษาพื้นเมืองหมายถึง "บึง" เปนแหลงน้ําธรรมชาติอยูใจกลางเมืองพะเยา มีทิวเขาเปนฉาก หลัง เกิดจากน้ําที่ไหลมาจากหวยตางๆ 18 สาย มีปริมาณน้ําเฉลี่ยปละ 29.40 ลานลูกบาศกเมตร มีพันธปลาน้ําจืด กวา 48 ชนิด มีเนื้อที่ 12,831 ไร เปนแหลงเพาะพันธุปลาตางๆ ประกอบกับ ทัศนียภาพโดยรอบกวานพะเยา มีความสวยงามประทับใจแกผูพบเห็น จึงกลายเปนแหลงทองเที่ยวตามธรรมชาติอีกทั้งบริเวณริมกวานพะเยา มีรานอาหารและสวนสาธารณะใหประชาชนและนักทองเที่ยวไดพักผอนหยอนใจ เนื่องจากกวานพะเยาในอดีต แตเดิมเคยเปนที่ราบลุมแมน้ํามีสายน้ําอิงไหลพาดผานคดเคี้ยวทอดเปนแนวยาวไปตลอด จากทิศเหนือจรด ขอบกวานฯ ทางทิศตะวันออกเฉียงใตประกอบกับมีหนองน้ํานอยใหญหลายแหงและรองน้ําหลายสายที่ไหลลงมา จากขุนเขาดอยหลวงแลวเชื่อมติดตอถึงกัน ทําใหพื้นที่ราบลุมแมน้ําแหงนี้มีความอุดมสมบูรณเปนอยางมาก จึงทําใหพื้นที่แหงนี้มีผูคนเขามาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยูเปนชุมชนนานนับตั้งแตโบราณ



2. อุทยานแหงชาติดอยหลวง 
          อุทยานแหงชาติดอยหลวงมีพื้นที่ครอบคลุมอยูในทองที่อําเภอแมสรวย อําเภอพาน อําเภอเวียงปาเปา จังหวัดเชียงราย อําเภอวังเหนือ จังหวัดลําปาง และอําเภอแมใจ อําเภอเมือง จังหวัดพะเยา เปนอุทยานแหงชาติ ที่ไดยกฐานะมาจากวนอุทยานน้ําตกจําปาทอง วนอุทยานน้ําตกผาเกล็ดนาค วนอุทยานน้ําตกปูแกง และวนอุทยาน น้ําตกวังแกว รวม 4 แหง ที่มีพื้นที่ติดตอเปนผืนเดียวกัน มีสภาพธรรมชาติและจุดเดนเปนแหลงทองเที่ยว ที่มีความสวยงามมากแหงหนึ่งของภาคเหนือ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,170 ตารางกิโลเมตร หรือ 731,250 ไร อุทยานแหงชาติดอยหลวงไดประกาศใหเปนอุทยานแหงชาติ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2533




3. น้ําตกจําปาทอง 
          น้ําตกจําปาทอง เปนน้ําตกที่พบเห็นในสภาพปาดิบชื้นทั่ว ๆ ไป มีลักษณะเปนน้ําตกสูงชัน น้ําใสสะอาด น้ําตกลงมาเปนสายคลายงาชาง หัวชางบาง ซึ่งราษฎรในทองถิ่นก็ตั้งชื่อชั้นของน้ําตกที่เห็นตามลักษณะ ของน้ําตกที่ปรากฏใหเห็น การเดินทางมีถนนลาดยาง แยกจากถนนสายเชียงราย - พะเยา ตรงหลักกิโลเมตรที่ 7 กอนจะถึงตัวจังหวัดพะเยาเดินทางเขาไปอีกประมาณ 16 กิโลเมตร ก็ถึงบริเวณน้ําตก



4. อางเก็บน้ําหวยชมพู– ผาเทวดา 
          อางเก็บน้ําหวยชมพู–ผาเทวดา มีกิจกรรมที่นิยมในการทองเที่ยว คือเดินปาและโรยตัวหนาผาเทวดา เดิมเรียกวา “หนาผากิ่งปาแฝด” แตภายหลังเรียกวา “หนาผาเทวดา” บริเวณนี้มีถ้ํานอยใหญอยูกวาสิบแหง ควรแวะพักผอนเตรียมความพรอมของรางกายคางคืนที่โฮมเสตยบานสันโคงกอน เพื่อเตรียมตัวสําหรับการเดินปา ปนผาเทวดา ตั้งแตการโรยตัว ณ จุดโรยตัวโดยจะตองนั่งรถขับเคลื่อนสี่ลอไปถึงจนสุดของถนน พรอมเดินเทา ประมาณ 3กิโลเมตร เสนทางคอนขางลําบากและทาทาย ใชระยะเวลาการเดินประมาณ 3ชั่วโมง เหมาะแกนักผจญภัย สวนอุปกรณสําหรับโรยตัว ถุงมือ หมวกตะขอเหล็กล็อค ฯลโดยทางอบต.สันโคง ไดจัดเตรียมใหบริการอยางครบครัน โดยจะจัดใหมีการโรยตัวที่ความสูง 25 เมตร, 50 เมตร และ 110 เมตร พรอมเจาหนาที่ที่ชํานาญคอยใหการแนะนํา การโรยตัวและดูแลความปลอดภัยอยางใกลชิด เหมาะกับนักทองเที่ยวที่ชอบธรรมชาติและรักความตื่นเตน ระหวางทางที่เดินไปกลับหนาผาเทวดานั้น จะเดินทางผานถ้ําฝนแสนหา ซึ่งเปนถ้ําที่มีน้ําตกไหลลงมาคลายสายฝนและจะพบนกยูงมากในชวงปลายฝนตนหนาวและจะมีดอกไมปาขึ้นอยูบริเวณน้ําตกหวยชมพู โดยเฉพาะบริเวณ ชั้นที่ 3 ของน้ําตก เรียกวา “ตาดหัวชาง”




5. หนองเล็งทราย
          การเดินทางมาทองเที่ยวหนองเล็งทรายนั้น ตองใชถนนทางหลวงหมายเลข 1 มุงหนาสูทิศเหนือ พะเยา-เชียงราย มาจนถึงแยกศรีบุญเรือง เลี้ยวขวาเขาถนนพหลโยธินสายใน เดินทางประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงวัดโพธารามทางดานซายมือ แตใหเลี้ยวซายเขาถนนขางวัดไปจนสุดทางถนนจะพบกับหนองน้ําแหงอําเภอแมใจ เปนหนองน้ําขนาดใหญแหงนี้มีเนื้อที่ประมาณ 5,500 ไร ครอบคลุมหลายตําบล ทัศนียภาพสวยงามมาก



6. อุทยานแหงชาติภูซาง 
          จากขอมูลของกรมอุทยานแหงชาติสัตวปาและพันธุพืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม ไดกลาวถึง“อุทยานแหงชาติภูซาง” นั้นมีขนาดพื้นที่ประมาณ 284.8ตารางกิโลเมตร (17,8049.62 ไร) อยูในเขตระหวางอําเภอเทิง จ.เชียงราย กับ อ.ภูซาง ถึง อ.เชียงคํา จ.พะเยา และมีอาณาเขตติดตอกับ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว



7. อุทยานแหงชาติดอยภูนาง 
          อุทยานแหงชาติดอยภูนางมีสิ่งนาสนใจมากมายโดยเฉพาะนกยูงและน้ําตกตางๆ มีเนื้อที่ประมาณ 538,124 ไร หรือ 861 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 อําเภอ ไดแก อ.เชียงมวน อ.ปง อ.ดอกคําใต สภาพปา สวนใหญเปนปาเบญจพรรณและปาเต็งรัง มีสัตวปาหายากหลายชนิด เสือปลา แมวลายหินออน แมวดาว เลียงผา ตัวนิ่ม ฯลฯ ที่สําคัญคือ นกยูง



 แหลงทองเที่ยวทางดานประวัติศาสตรและโบราณสถาน


1. วัดศรีโคมคํา 
          วันศรีโคมคํา เปนพระอารามหลวงชั้นตรี และวัดพัฒนาตัวอยาง ตั้งอยูในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกวา "วัดพระเจาองคหลวง" หรือ "วัดพระเจาตนหลวง" มีพระพุทธรูปองคใหญที่สุด ในลานนาไทย ขนาดหนาตักกวาง 14 เมตร สูง 16 เมตร มีประวัติกลาวถึงอยางพิสดารวา ปรากฏพญานาค ไดนําทองคํามาใหตายายคูหนึ่ง ที่ตั้งบานอยูริมกวานพะเยา เพื่อสรางพระพุทธรูปองคนี้ ซึ่งตายายคูนี้ใชเวลา สรางถึง 33 ป (พ.ศ. 2034 - 2067) และกาลตอมาเรียกวา "พระเจาองคหลวง" ในปจจุบันพระเจาองคหลวง มิใชเปนแตเพียงพระพุทธรูปคูเมืองพะเยาเทานั้น แตถือเปนพระพุทธรูปคูบานคูเมืองอาณาจักรลานนาไทยดวย โดยในเดือนพฤษภาคมจะมีงานนมัสการพระเจาองคหลวงเปนประจําทุกป เรียกวา "งานประเพณีนมัสการ พระเจาองคหลวงเดือนแปดเปง"



2. วัดติโลกอาราม 
          วัดติโลกอาราม เปนโบราณสถานแหงหนึ่งที่จมอยูในกวานพะเยาคนพบในป พ.ศ. 2482 กรมประมงสรางประตูกั้นน้ําในกวานพะเยาเพื่อกักเก็บน้ํา เปนวัดที่พระเจาติโลกราช แหงราชอาณาจักรลานนา โปรดใหพระยายุทธิษถิระ เจาเมืองพะเยา สรางขึ้นในราวป พ.ศ. 2019-2029 ในบริเวณที่เรียกวา “บวกสี่แจง” ซึ่งแตเดิมเปนชุมชนโบราณ และมีวัดอยูเปนจํานวนมาก โดยวัดแหงนี้เปนชื่อวัดที่ปรากฏอยูในศิลาจารึก ซึ่งถูกคนพบไดในวัดรางกลางกวานพะเยาหรือในบริเวณหนองเตา จากขอความที่ปรากฏในศิลาจารึก ทําใหรูวาวัดนี้ มีอายุเกาแก มากกวา 500 ป สรางในสมัยพระเจาติโลกราช กษัตริยผูครองเมืองเชียงใหม วัดนี้มีความสําคัญ ทางประวัติศาสตรเนื่องจากผูปกครองเมืองพะเยาไดสรางถวาย เพื่อเปนการเทิดพระเกียรติแกพระเจาติโลกราช ในฐานะทรงเปนกษัตริยผูยิ่งใหญแหงอาณาจักรลานนา



3. วัดอนาลโยทิพยาราม
          “วัดอนาลโยทิพยาราม” หรือ “ดอยบุษราคัม” ตั้งอยูบนดอยบุษราคัม บานสันปามวง หมูที่ 6 ต.สันปามวง จังหวัดพะเยา จากตัวเมืองไปเสนทางพะเยา - เชียงราย ประมาณ 7 กม.แยกซายไปตามทางหลวง หมายเลข 1127 ประมาณ 9 กิโลเมตร สรางโดยพระปญญาพิศาลเถร (พระอาจารยไพบูลยฯ) เปนอุทยาน พระพุทธศาสนา มีศาสนสถานที่สวยงามไดแก พระพุทธรูปศิลปสุโขทัยองคใหญ พระพุทธรูปปางตางๆ พระพุทธลีลา พุทธคยาเกงจีนประดิษฐานเจาแมกวนอิม หอพระแกวมรกตจําลองทําดวยทองคํา ฯลฯ มีบรรยากาศรมรื่น พื้นที่กวางขวาง แวดลอมไปดวยทรัพยากร ปาไม จากยอดดอยสามารถชมความสวยงามของทัศนียภาพของกวานพะเยา และตัวเมืองของพะเยา โดยสามารถเดินทางทองเที่ยวที่วัดอนาลโยใน 2 ลักษณะตามอัธยาศัยทั้งทางรถยนต และทางบันไดเดินเทา โดยทางวัดไดจัดที่พักลักษณะรีสอรท เพื่อบริการนักทองเที่ยวไวแลวอยางครบครัน



4. โบราณสถานเวียงลอ 
          สถานที่ตั้งของโบราณสถานเวียงลอหางจากตัวอําเภอจุนไปตามทางหลวงหมายเลข1021ถึงบานหวยงิ้ว ประมาณ 17 กิโลเมตร มีทางแยกเปนทางเดินถึงบานน้ําจุน รวม 12 กิโลเมตร ถัดมาจะพบทางแยกเปนทางเดิน ถึงบานน้ําจุนอีก 12 กิโลเมตร ปรากฏซากกําแพงเมืองเกา วัดรางอยูมากมาย จะมีพระธาตุและวัดเกาแก คือ วัดศรีปงเมือง เมืองลอหรือเวียงลอ มีคูเมืองและกําแพงคันดิน 1 - 2 ชั้น ลอมรอบ ตั้งอยูที่ราบระหวาง เชิงดอยจิกจองและแมน้ําอิง 



5. วัดพระธาตุจอมทอง 
          วัดพระธาตุจอมทอง ศาสนสถานที่เปนจุดหมายปลายทางดานการทองเที่ยวที่สําคัญ ตั้งอยูบนดอยจอมทอง บริเวณริมกวานพะเยา อยูหางจากตัวเมือง 3 กิโลเมตร อยูตรงขามวัดศรีโคมคํา มีทางรถยนตขึ้นไป ถึงยอดเขา ภายในวัดมี "พระธาตุจอมทอง" เปนเจดียทรงลานนาสูง 30 เมตร ตั้งอยูบนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส กวาง 9 เมตร ซอนกันสามชั้น รองรับองคระฆัง สวนยอดสุดเปนฉัตรสีทอง ฐานโดยรอบขางลางบุดวยแผนโลหะ ดุนลายเปนรูป 12 นักษัตร และลายไทยอันงดงามมาก ลักษณะคลายพระธาตุหริภุญชัย ของจังหวัดลําพูน โดยวัดพระธาตุจอมทอง ตั้งอยูบนเนินเขาตรงขามวัดศรีโคมคํา ตําบลเวียง อําเภอเมือง จังหวัดพะเยา จากสี่แยก ประตูชัย ทางหลวงหมายเลข 1 มุงหนาสูแมใจ 2.5 กิโลเมตร มีถนนเสนทางแยกดานซายมือซึ่งผานหอสมุด แหงชาติเฉลิมพระเกียรติประมาณ 300 เมตร ที่ตั้งวัดอยูทางดานขวามือ สําหรับความเปนมานั้นเลากันวา พระพุทธเจาเคยเสด็จมาเผยแผพระพุทธศาสนาที่เมืองภูกามยาว ประทับแรมบนดอย ตั้งอยูบนฝงหนองเอี้ยง ทางทิศเหนือ และพระองคทรงมอบพระเกศธาตุองคหนึ่ง เพื่อนําไปประดิษฐานไวในถ้ําบนดอยนั้น ซึ่งเปนถ้ําลึก กวา 70 วา



6. ศูนยวัฒนธรรมไทลื้อ 
          ศูนยวัฒนธรรมไทลื้อ ตั้งอยูที่วัดหยวนใน อําเภอเชียงคํา จัดตั้งเปนศูนยแสดงผลงาน ทางศิลปวัฒนธรรมและฝกอาชีพของชาวไทยลื้อ โดยเฉพาะผาของชาวไทยลื้อที่มีลวดลายและสีสันสดใส ในอดีตชาวไทยลื้อมีถิ่นอาศัยอยูในเขตสิบสองปนนามณฑลยูนาน ประเทศสาธารณะรัฐประชาชนจีน มีพื้นที่ ประมาณ 25,000 ตารางกิโลเมตร พื้นที่สวนใหญเปนภูเขามีที่ราบแคบอยูตามหุบเขาและลุมแมน้ํา อันเปนบริเวณ ที่อยูอาศัยและที่ทํามาหากินของชาวไทลื้อ โดยเฉพาะการทํานาที่ลุมเชนเดียวกับคนไทยทั่วไป มีแมน้ําโขง เปนแมน้ําสายสําคัญที่ไหลผานแควนสิบสองปนนา ซึ่งชาวไทยลื้อเรียกวา "แมน้ําของ" ในป พ.ศ. 2399 เจาสุริยพงษ ผริตเดช ผูครองนครนาน ไดอพยพมาอยูที่บานทาฟาเหนือและทาฟาใตอําเภอเชียงมวน หลังจากนั้นมีบางสวนไดอพยพมาอยูที่อําเภอเชียงคํา ชาวไทลื้อมีอุปนิสัยรักสงบ ขยันอดทน นอกจากนั้น ยังเปนผูที่อนุรักษวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไวอยางดีโดยเฉพาะวัฒนธรรมการแตงกาย เปนตน


7. อนุสาวรียพอขุนงําเมือง 
          อนุสาวรียพอขุนงําเมือง ประดิษฐานอยูที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา (สวนสมเด็จยา 90) ถนนเลียบกวานพะเยา พอขุนงําเมืองเปนกษัตริยผูปกครองเมืองภูกามยาว ลําดับที่ 9 เปนยุคที่เจริญรุงเรืองมาก พระองคทรงเปนพระสหายรวมน้ําสาบานกับพอขุนเม็งรายแหงเมืองเชียงราย และพอขุนรามคําแหงมหาราช แหงกรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสามพระองคไดกระทําสัตยตอกัน ณ แมน้ําอิงสวนพระองคนั้น พอขุนงําเมืองเปนผูทรงอิทธิฤทธิ์ เลาขานสืบตอกันวา ยามเมื่อพระองคทรงเสด็จประพาสเยี่ยมเยือน ณ แหงหนใด “แดดก็บอฮอน ฝนก็บอฮํา จักใหบดก็บด” พรองกับพระนาม “งําเมือง”



8. พิพิธภัณฑเวียงพยาว (วัดลี)
          “พิพิธภัณฑเวียงพยาว” หรือ“วัดลี”มีความเปนมา…บนเสนทางยาวไกลจุดเริ่มตนนั้น เกิดจากแรงบันดาลใจ และความสํานึกรักถิ่นเกิดของ พระครูอนุรกษบุรานันท เจาคณะอําเภอเมืองพะเยาเจาอาวาสวัดลี ที่ทานไดเล็งเห็นคุณคา โบราณวัตถุซึ่งเปนสมบัติของชาติจํานวนมากถูกทอดทิ้งอยูตามวัดรางตางๆ ในพื้นที่จังหวัดพะเยา จึงอนุรักษ และนํามาเก็บรักษาไวที่วัดลี เพื่อมิใหสูญหายรวมระยะเวลากวา50 ปที่ผานมา ทําใหโบราณวัตถุมีจํานวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งไมมีสถานที่เก็บเพียงพอ จึงดําริที่จะตั้งพิพิธภัณฑทองถิ่นขึ้นมา เพื่อใหเปนแหลงรวบรวมโบราณวัตถุ และเปนแหลงเรียนรูทางดานประวัติศาสตรโบราณคดี ศิลปวัฒนธรรมของเมืองพะเยาอีกแหลงหนึ่ง ถือเปนจุดเริ่มตนในกาวแรก แตจะใหสําเร็จไดอยางเปนรูปธรรมตอเนื่องและยั่งยืนไดนั้นยังขาดงบประมาณ มาสนับสนุนอยางพอเพียง กระทั้งถึงป พ.ศ. 2549 ทางจังหวัดพะเยา โดยนาย ธนเษก อัศวานุวัตร ผูวาราชการจังหวัด ไดมีนโยบายเรงดวน ผลักดันโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑวัดลีอยางจริงจังและเปนรูปธรรม พรอมกันทุกๆ ฝาย ทั้งภาครัฐ เอกชน และคนในชุมชนวัดลี รวมใจกันสนับสนุน จนกระทั้งสามารถจัดตั้งพิพิธภัณฑฯ ประสบผลสําเร็จ ในป พ.ศ. 2550 ขึ้นมา



9. หอวัฒนธรรมนิทัศน
         หอวัฒนธรรมนิทัศนเปนสถานที่จัดแสดงวัตถุโบราณ รวมถึงเอกสารขอมูลสําคัญทางประวัติศาสตร ดานวรรณกรรม ภูมิปญญาทองถิ่น วัฒนธรรมประเพณี และวิถีความเปนอยูของชาวบานในจังหวัดพะเยา เปนผลงานแหงความอุตสาหพยายามในการสืบเสาะและเก็บรักษาของหลวงพอพระอุบาลีคุณูปมาจารย เจาอาวาสวัดศรีโคมคํา นานกวา 43 ปประกอบไปดวย ซากปรักหักพังและปติมากรรมในยุคหินทรายของเมืองพะเยา (พุทธศตวรรษที่ 20 -22) อาทิ สวนเศียรและสวนองคพระพุทธรูปที่แตกหัก, ชางเอราวัณ 4 เศียร, ดอกบัวหินทราย, ถวยชามเวียงกาหลง เปนตน



10. วัดพระนั่งดิน 
          วัดพระนั่งดิน เปนวัดที่องคพระประธานของวัดไมมีฐานรองรับเหมือนกับพระประธานองคอื่นๆ เคยมีราษฎรสรางฐานรองรับเพื่ออัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐานบนฐานรองรับ แตปรากฏวาไมสามารถจะยก องคพระประธานขึ้นได แมจะพยายามยกดวยวิธีการตางๆ ที่เหมาะสมก็ไมสามารถยกขึ้นไดจึงเรียกสืบตอกันมาวา “พระนั่งดิน”ตามตํานานกลาววา พระพุทธรูปนี้ถูกสรางขึ้นมาตั้งแตครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจายังทรงพระชนมอยู ดังนั้น พระเจานั่งดินนาจะมีอายุกวา 2500 ปและตามประวัติกลาวถึงอีกวา ในการสรางพระพุทธรูปนี้ใชเวลา 1 เดือน 7 วัน จึงเสร็จ เมื่อสรางเสร็จไดประดิษฐานไวบนพื้นราบโดยไมมีฐานชุกชีดังพระพุทธรูปอื่นๆ ทั่วไป



11. วัดนันตาราม 
          วัดนันตาราม ตั้งอยูบริเวณตลาดเทศบาลตําบลเชียงคํา ไมปรากฏวาสรางมาตั้งแตสมัยใด เปนวัดประจําชุมชน ชาวไทยใหญ เดิมเรียก “วัดจองคา” เพราะมุงดวยหญาคา (คําวา “จอง” เปนภาษาไทยใหญ หมายถึง วัด) พุทธศาสนิกชนชาวไทยใหญเปนผูสราง โดย พอหมอง โพธิ์ขิ่น บริจาคที่ดินเนื้อที่ 3 ไรเศษ เปนสถานที่กอสราง พอเฒาอุบล เปนประธานในการกอสรางจนสรางสําเร็จเรียบรอย มีฐานะเปนอารามหรือสํานักสงฆ โดยประชาชนทั่วไปนิยมเรียก “วัดจองเหนือ”



12. วัดพระธาตุสบแวน 
          ที่วัดพระธาตุสบแวนแหงนี้มีสิ่งนาสนใจหลายอยาง อาทิบานชาวไทลื้อ ตนจามจุรีขนาดใหญ อายุกวา 100 ป เจดียอายุเกาแกกวา 800 ป บานชาวไทลื้อที่ตั้งอยูภายในวัดมีศูนยหัตถกรรมทอผา จากผูหญิงสูงอายุในหมูบาน งานหัตถกรรมจากผาฝาย มีใหซื้อขายและไดชมวิธีการทอผา สามารถเขาชมเรือน ไทลื้อเพื่อรูถึงวิถีชีวิตความเปนอยูของชาวไทลื้อไดอยางละเอียด และจุดสําคัญ พระธาตุสบแวนซึ่งตั้งอยูดานหลัง ของวิหารภายในวัดนั้น เปนเจดียเกาแกที่มีอายุมากกวา 800 ปี



13. วัดแสนเมืองมา
           “วัดแสนเมืองมา” มาจากชื่อหมูบาน “มาง” ในสิบสองปนนา ประเทศจีน สถาปตยกรรมภายในวัด สรางตามแบบศิลปะไทลื้อ รวมไปถึงปายตางๆ ในบริเวณวัดมีทั้งภาษาไทยและภาษาจีน เนื่องจากมีชาวไทลื้อ เดินทางไปมาหาสูระหวางประเทศไทยกับสิบสองปนนา นักวิชาการตางสันนิษฐานกันวา วัดนาจะถูกสรางขึ้น ในสมัยยุคตนกรุงรัตนโกสินทรเพราะมีหลังคามุงแปนเกล็ดไมงดงามมากซึ่งเปนศิลปะไทลื้อ หนาบันเปนไมแกะสลัก รูปเทพนม บนพื้นสลักลายสวยงาม บันไดทางเขาเปนรูปพญานาค ประตูดานขางทางเขามีรูปปนสิงหคูเฝาประตู ลวนแลวแตมีความสวยงามรวมสมัย



14. วัดหยวน 
          วัดหยวนเปนศูนยกลางแสดงผลงานทางศิลปวัฒนธรรมของชาวไทลื้อ รวมทั้งเปนศูนยฝกอาชีพ โดยเฉพาะผาทอไทลื้อ ซึ่งมีลวดลายสีสันสดใสสวยงาม ที่ตั้งอยูไมไกลจากวัดแสนเมืองมาและสถานีขนสงมากนัก ตั้งอยูทางทิศเหนือมีระยะทางหางกันเพียง 500 เมตรโดยประมาณ นักทองเที่ยวสามารถเดินเทาเที่ยวชมได ตอเนื่องกันไป



15. วัดทาฟาใต
         วัดทาฟาใตเปนวัดที่สรางตามรูปแบบศิลปะไทลื้อที่งดงามมากอีกแหงหนึ่ง วิหารมีรูปแบบศิลปะไทลื้อ กออิฐถือปูน หลังคามุงแปนเกล็ดซอนกัน 3 ชั้น หนาบัน เปนลายเครือเถาแบบไทลื้อที่ประยุกตลายมาจากธรรมชาติ มีลายดอกไมบานอยูตรงกลาง ประดับดวยกระจกเงามีแนวคิดในการออกแบบศิลปกรรมโดยเชื่อวาเปนเสมือนสิ่งสะทอน ความชั่วรายมิใหมาทํารายกล้ํากรายไดโดยแตงแตมสีสันผานใบระกาเปนไมสักแกะสลักเปนรูปพญานาคเชิงชายฉลุลายน้ําหยด ซึ่งลวนแลวแตสื่อสารบงบอกเอกลักษณแหงศิลปะไทลื้อ





ที่มา : http://www.phayao.go.th/au/info/travel.pdf



















เศรษฐกิจ


เศรษฐกิจของจังหวัดพะเยา


การเกษตร


ในปี 2548 จังหวัดพะเยามีพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งสิ้น ประมาณ 410,825 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 431,643 ตัน มีพื้นที่เพาะปลูกพืชไร่ ประมาณ 358,069 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 277,905ตันพื้นที่ปลูกยางพารา ประมาณ 55,809 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 37,808 ตันมีเนื้อที่ปลูกไม้ผลและไม้ยืนต้น ประมาณ 116,167 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 229.76 ตันอาชีพหลักของประชากร คือ การทำนา  พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลำไย และยางพารา









 ผลิตภัณฑ์จังหวัด

            มูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดพะเยา ตามราคาตลาด พ.ศ. 2548 จากข้อมูลของๅสำนักงานคลังหวัดพะเยามูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัด เป็นเงิน 18,884 ล้านบาท และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 37,315 บาทต่อปี นับเป็นรายได้เฉลี่ยต่อหัว ลำดับที่ 15 ของภาค ลำดับที่ 57 ของประเทศ สาขาที่มูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดมากที่สุดคือ สาขาการเกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ มีมูลค่าผลิตภัณฑ์5,139 ล้านบาท สาขาที่มูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัดรองลงมาคือ สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ ของใช้ส่วนบุคคล และของใช้ในครัวเรือน มีมูลค่าผลิตภัณฑ์3,656 ล้านบาท




 การคมนาคมขนส่ง

                       จังหวัดพะเยา ใช้เส้นทางคมานาคมทางบกเป็นหลัก โดยมีเส้นทางคมนาคมติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง กรุงเทพ ฯ และระหว่างอำเภอต่าง ๆ ดังนี้

                       1. ระยะทางจากอำเภอเมืองพะเยา ถึง 2. ระยะทางจากจังหวัดพะเยา ถึง
                                              - อ.ดอกคำใต้ 15 กม. - จังหวัดเชียงราย 94 กม.
                                              - อ.จุน 48 กม. - จังหวัดเชียงใหม่ 134 กม.
                                              - อ.เชียงคำ 76 กม. - จังหวัดลำปาง 137 กม.
                                              - อ.เชียงม่วน 117 กม. - จังหวัดแพร่ 138 กม.
                                              - อ.ปง 79 กม.
                                              - อ.แม่ใจ 24 กม.
                                              - อ.ภูซาง 91 กม.
                                              - อ.ภูกามยาว 18 กม.

                        2.ทางด้านไปรษณีย์ จังหวัดพะเยา มีที่ทำการไปรษณีย์รวม แห่ง (ที่อำเภอเมืองพะเยามี แห่งคือ ที่ทำการไปรษณีย์พะเยา และที่ทำการไปรษณีย์หนองระบู



ที่มา : http://waraporn2930.blogspot.com/2013/08/blog-post_1160.html






อาชีพของประชากร

อาชีพคนพะเยา


อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพเก่าอาชีพแก่  ที่อยู่คู่กับเราชาวรากหญ้ามาช้านาน


                  เพราะการทำเกษตรกรเป็นอาชีพหลักมาแต่เดิม ในพื้นที่ที่อยู่อาศัยก็เป็นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกจึงเลือกที่จำการเกษตร และการเกษตรเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทั้งยังให้รายได้ให้กับเกษตรกรรายอื่นได้ด้วย  เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรากหญ้าเป็นชาวบ้านที่ใช้ชีวิตแบบไม่สิ้นเปลืองมีเงินไม่มากการศึกษาน้อย การเกษตรจึงเป็นทางเลือกของพวกเขาที่ให้ทั้งรายได้และให้ผลผลิตที่เพาะปลูกมาใช้เอง

ความเป็นมาของอาชีพเกษตรกรในประเทศไทย
                     อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพดั่งเดิมของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตข้าวของโลก ผู้คนในอดีตสืบทอดการทำการเกษตรให้ลูกหลานต่อกันมาเป็นทอด ๆ โดยข้าวเป็นพืชเกษตรหลักในการหาเลี้ยงชีพ ส่วนการปลูกผลไม้ ปลูก พืชผัก ผลไม้อื่น ๆ เป็นเพียงการปลูกรับประทานในครัวเรือน และแบ่งปันญาติมิตรเพื่อนบ้าน เหลือจึงขาย เมื่อการเปลี่ยนแปลงยุคเกษตรกรรมแบบตะวันตกเริ่มเข้ามาในประเทศไทย คน ไทยได้รับเอาวิธีการผลิตพืชผลเกษตรเข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำเกษตรแบบ เดิมจากการปลูกพืชผสมผสมผสาน ปลูกข้าวเป็นหลัก มาเป็นการปลูกพืช ผลไม้เชิงเศรษฐกิจเพียงชนิดเดียว เป็นหลัก
              การเพาะปลูก
เป็นอาชีพหลักของประชากรในภาคเหนือ พืชผลที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ซึ่งมีการปลูกตามที่ราบลุ่มที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ บางแห่งปลูกได้ปีละ ครั้ง แหล่งปลูกข้าวในภาคนี้ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูนแพร่ อุตรดิตถ์ พิจิตร อุทัยธานี นครสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีพืชเศรษฐกิจที่ปลูกได้ดีและกระทำกันหนาแน่นในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำและที่ราบหุบเขา ได้แก่ ยาสูบ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวฟ่าง ใบชา หอม กระเทียม ผลไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สำไย ลิ้นจี่ มะม่วง รวมทั้งผลไม้เมืองหนาวเช่น สตรอเบอร์รี่ ลูกต้อ แอปเปิล ซึ่งทั้งหมดนี้จะให้ผลผลิตสูงในฤดูหนาว
การทำนาในจังหวัดพะเยา นิยมการทำนาดำและยังทำนาได้หลายฤดูกาล เพราะพะเยาเป็นเหมือนแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำให้ใช้ได้ตลอดปี ส่วนในพื้นที่ราบสูงเนื่องจากพื้นที่เล็กต้องมีการสร้างคันนาและเหมืองฝายกันน้ำ ถือว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น

               การเลี้ยงสัตว์
เป็นอาชีพที่มีความสำคัญรองจาการเพาะปลูก ภูมิประเทศภาคเหนือเป็นภูเขา หุบเขาและที่ราบระหว่างภูเขาทำให้พื้นดินมีหญ้าอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์ตลอดปี สัตว์ที่เลี้ยงมาก ได้แก่ โค กระบือ สุกร โคเลี้ยงกันมากันโคนมและโคเนื้อ คนพะเยาส่วนมากมักเลี้ยงในครัวเรือน เลี้ยงบนบ่อเลี้ยงปลา หรือไม่บางครั้งเรือนก็เลี้ยงเพื่อประกอบอาชีพหลัก

 การประมง
ภาคเหนือมีการประมงน้ำจืดตามแม่น้ำ ลำคลอง หนอง และบึง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ และการประมงตามแหล่งน้ำที่สร้างขึ้น  ส่วนการประมงหลักของคนพะเยาเป็นการเพาะเลี้ยงเพื่อธุรกิจและยึดเป็นอาชีพหลักคือการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด เลี้ยงกุ้ง ส่วนเกษตรกรที่หาเช้ากินค่ำก็ทำประมงตามแหล่งน้ำธรรมชาติได้มาเพื่อกินส่วนหนึ่ง อีกส่วนนำขาย






ที่มา : http://witanyasangsuwan.blogspot.com/